ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราในการสร้า้งสังคมแห่งการเรียนรู้...

หากต้องการลงบทความ/งานเขียนของท่าน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ทางเว็บบอร์ด หรือทางอีเมล์แอดเดรส; po_kenchin@hotmail.com
หรือจะสมัครสมาชิกอย่างเดียวก็ได้นะครับ

02 พฤษภาคม 2554

กงล้อสี่ทิศ


                  ศาสตร์ในการศึกษาทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์มีหลายแบบมาก ที่เราเห็นกันผ่านตาอย่างเช่น นพลักษณ์ (แอนเนียแกรม) ส่วนทฤษฎีนี้ชื่อแท้จริงคือ กงล้อสี่ทิศ (Celtic Wheel) เจ้าของทฤษฏีดั้งเดิมคือชนเผ่า เซลติก แถบสก็อตแลนด์ ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ  ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์โดยเทียบกับลักษณะนิสัยของสัตว์สี่ชนิด และทิศสี่ทิศ  ใช้ชื่อว่ากงล้อ นั่นหมายความว่า  ลักษณะนิสัย/พฤติกรรมทั้งสี่แบบสามารถหมุนเวียนได้ ไม่ตายตัว ในหนึ่งคนมีลักษณะทั้งสี่แบบ แต่จะมีแบบเดียวที่โดดเด่นเป็นพิเศษ

สิ่งที่มีอิทธิพลต่อลักษณะนิสัยต่างๆ
- การอบรมเลี้ยงดู
- สิ่งแวดล้อม
- ผู้คนรอบข้าง
- วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่
- ตำแหน่ง หน้าที่การงาน
- บทบาทที่สวมอยู่ (สามี, ภรรยา, เจ้านาย, ลูกน้อง, หัวหน้าองค์กร, ฯลฯ)
- บุคคลที่ยึดถือเป็นต้นแบบ
ข้อควรระวังก่อนศึกษากงล้อสี่ทิศ
- ทฤษฏีนี้ไม่ได้มีไว้แบ่งประเภทหรือตัดสินคน เกิดขึ้นเพื่อให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับความแตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว
- การจะเลือก/ตัดสินว่าเรามีลักษณะนิสัยแบบไหน ให้พิจารณาจากตัวเราเมื่อถอดหมวก ถอดบทบาทต่างๆ ที่สวมอยู่ออกไป
- พิจารณาประเภทของสัตว์ที่เราเป็น มิใช่ที่เราอยากเป็น
- การพิจารณาว่าเรามีลักษณะคล้ายสัตว์ชนิดไหนต้องใช้เวลาและการใคร่ครวญ ไม่ต้องรีบร้อน การด่วนตัดสินจะทำให้เกิดกำแพงต่อตัวเองและลดทอนความเป็นกลาง
ลักษณะของสัตว์ชนิดต่างๆ ในกงล้อสี่ทิศ เรียงลำดับตามคู่ตรงข้าม (เหนือ-ใต้, ตะวันออก-ตะวันตก)
ทิศเหนือ กระทิง ชอบอยู่กับฝูง พุ่งชนเร็ว สัญชาติญาณเร็ว
ทิศใต้ หนู สัมผัสไว ไม่กล้าเปิดเผยตัว สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่หนูจะออกหากินเมื่อแสงไฟเหลือน้อย
ทิศตะวันออก เหยี่ยว บินสูง สายตากว้างไกล ไม่ค่อยสัมผัสพื้น
ทิศตะวันตก หมี ชอบเก็บตัว จำศีล มีพื้นที่ส่วนตัว
ผู้นำทิศเหนือ
เปรียบเสมือน : กระทิง เป็นดั่งฐานกาย อยู่ในธาตุไฟ
บุคลิกลักษณะ : มีนิสัยรวดเร็ว ทันใจ หวังผลเลิศ ชอบลงมือทำงานด้วยตนเอง แบบออกแอคชั่นด้วยตนเองมากกว่าฟังคนอื่นว่าตามกันมา ดังนั้นความรู้ที่ได้สั่งสมมาจึงมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง จึงไม่เชื่อทฤษฎี โดยบุคลิกแล้วจะมี ลักษณะดุดัน กล้าชน กล้าเผชิญหน้า มีความมุ่งมั่น จริงใจ เคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมีเป้าหมาย ชอบเห็นผลเร็ว ชอบอยู่แนวหน้า กล้าแสดงออก ชอบใช้พลัง มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ อย่างรวดเร็ว เหมือนวัวกระทิงที่เจอสีแดงแล้วจะวิ่งชนทันที ถือว่าเป็นทิศของนักรบ เพราะมีความกล้าเสี่ยง กล้าท้าทาย ชอบวิ่งชนกับปัญหา ผู้นำลักษณะนี้เหมือนเถ้าแก่ยุคแรกเริ่มในการทำธุรกิจของเจ้าสัวชาวจีน อยู่ในธาตุหยางตามหลักความเชื่อของชาวจีน นักการเมือง สื่อสารมวลชน ทนายความ มักจะมีบุคลิกของความเป็นกระทิงอยู่สูง
ข้อดี : พร้อมปกป้องดูแลลูกน้องแบบเป็นแม่ไก่กางปีกปกป้องลูกไก่ เป็นคนเอาพรรคเอาพวก ชอบอยู่เป็นกลุ่มก้อน ถือว่าเป็นทิศแห่งการยืนหยัด พร้อมเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทุกรูปแบบ ท้าทายอำนาจอย่างเปิดเผย
ข้อเสียควรแก้ไข : ควรที่จะยอมผิดพลาดบ้าง รู้จักที่จะช้าๆ กับบางเรื่อง รู้จักอดทนรอคอย อย่าคิดเร็วทำเร็ว หัดทบทวนการตัดสินใจของตัวเองดูอีกครั้งว่าถูกต้องแม่นยำจริงๆ แล้วหรือไม่ เพราะอาจแฝงไว้ด้วยความมีความเป็นตัวตนสูง หรืออาจจะทำให้ดูเป็นคนชอบใช้อำนาจมากเกินไป
ข้อเสนอแนะ : ถ้าจะให้ดี ควรมีความผสมผสานระหว่างผู้นำในแบบกระทิง และผู้นำในแบบหมี (กระทิงบวกกับหมีก็คือ หมี) โดยอาจจะมีความเป็นหมีสัก 60 เปอร์เซ็นต์ กระทิง 40 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ หรือแบบกระทิงสัก 60 แบบหมีสัก 40 ก็ได้เช่นกัน เพราะการสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีปัญหาการทำงาน หรืออยู่ร่วมกับคนอื่นได้ในระยะยาวได้ หรือผู้นำอีกแบบหนึ่งก็คือการผสมผสานระหว่างกระทิงกับหนูก็ได้ อย่างน้อยกระทิงจะได้มีความอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ ให้ความสำคัญเรื่องของใจมากกว่าที่จะใช้กำลังเพียงอย่างเดียว
ตามหลักการนั้น ว่ากันว่าถ้าเป็นผู้นำแบบหมีผสมผสานกับกระทิง จะกลายเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามมาก เพราะจะเป็นนักคิดนักวางแผนที่กล้าเผชิญหน้า ต่อสู้กับความท้าทายปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบระเบียบ เป็นนักบริหารที่แม่นยำ กล้าได้กล้าเสีย มั่นคงแบบกล้าฟันธงในทุกเรื่องราว
ผู้นำทิศใต้
เปรียบเสมือน : หนู ซึ่งตกอยู่ในธาตุน้ำ ถือว่าเป็นทิศที่อยู่ในฐานใจ
บุคลิกลักษณะ : ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและอารมณ์สูง ชอบใช้ใจมากกว่าการใช้กำลัง มีบุคลิกรวดเร็ว ว่องไว ปราดเปรียว ขี้เล่น ขับเคลื่อนพลังด้วยความรู้สึกที่ใส่ใจ ชอบช่วยเหลือดูแลคนรอบข้างแบบอบอุ่น ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หล่อเลี้ยงและดูแลดึงคนมารวมกันอยู่ด้วยหัวใจได้อย่างมากมาย จะทำทุกวิถีทางที่ทำให้คนรอบข้างตัวรู้สึกดีอยู่เสมอ ถือว่ามีความเป็นผู้ให้สูง โดยลักษณะของหนูนั้นจะไม่เรียกร้อง เป็นคนไม่เปิดเผย มีแบบแผน และชอบสนองความต้องการของผู้อื่นมากกว่าความต้องการของตนเอง
สังคมไทยจะคาดหวังให้ผู้หญิงมีบุคลิกลักษณะเป็นแบบหนู เพราะที่สำคัญบุคลิกของผู้นำในทิศนี้จะเป็นคนที่มีความประนีประนอมสูง ไม่ชอบเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง จะหลีกเลี่ยงการปะทะรุนแรง รูปแบบการเป็นผู้นำแบบหนูนั้น ภาวะจะไม่เด่นเหมือนกระทิง มีบทบาทหน้าที่เป็นผู้ประสานงานแบบเป็นกาวใจ มีความอ่อนโยนสุภาพ เป็นผู้นำในแบบผู้เยียวยา ถือว่าเป็นหยิน กล่าวคือเป็นฝ่ายตั้งรับ ผู้นำแบบนี้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาดี และผู้ที่เป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามักจะเป็นผู้นำแบบทิศใต้นั่นเอง เป็นผู้นำในแบบผู้ประสานงานให้เกิดความราบรื่นในหมู่คณะแบบกาวใจนั่นเอง คนในอาชีพศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักดนตรี จิตรกร มักจะมีบุคลิกแบบหนูสูงสุด
ข้อดี : จะเป็นผู้ที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง ไม่ชอบปะทะหรือใช้กำลังทำลายล้าง จะได้กลิ่นของความขัดแย้ง หรือความไม่ลงรอยกันได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานใดที่ได้ผู้นำหรือผู้ร่วมงานแบบนี้จะโชคดี เพราะจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้รวดเร็วและราบรื่น
ข้อเสีย : แต่ที่โชคร้ายก็คือ องค์กรแบบนี้มักจะไม่ค่อยเจอผู้นำในแบบหนู เพราะหนูจะลาออกไปเสียก่อน เนื่องจากไม่สามารถจะอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงได้ และอาจจะถูกข่ม เนื่องจากมีความอ่อนโยน และประนีประนอมมากเกินไป เพราะจะเป็นผู้นำแบบขี้สงสาร ชอบความสงบ และรักสันติ ในหน่วยงานต่างๆ มักจะพบผู้นำในแบบกระทิงมากกว่าผู้นำแบบหนู
ข้อเสนอแนะ : ควรนำความเด็ดเดี่ยว กล้าเผชิญกับปัญหาแบบกระทิงมาไว้ในความเป็นหนูบ้าง เนื่องจากหากเป็นหนูล้วนๆ จะดูใจน้อย ใช้ใจ ใช้อารมณ์มากเกินไป จนดูอ่อนแอไม่น่าเกรงขาม และยากที่จะเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าหนูกับกระทิงมาผสมกันจะดูดีขึ้น เป็นหนูที่ทรงพลัง
ผู้นำทิศตะวันตก
เปรียบเสมือน : การเป็นผู้นำแบบหมี ซึ่งจัดอยู่ในธาตุดิน โดยจัดอยู่ในฐานความคิด
บุคลิกลักษณะ : เป็นแบบเสถียร คือต้องการความมั่นคงสูง เป็นคนหนักแน่นแบบช้าแต่มั่นใจ (ช้าแต่ชัวร์นั่นเอง) มีนิสัยชอบวิเคราะห์วิจัย มีแบบแผนวิธีการทำงานที่ลงตัว หรือจะเรียกว่ามีระเบียบวินัยสูง มีความเชื่อว่าความเป็นระบบจะทำให้เกิดความสำเร็จ ไม่ชอบความวุ่นวาย มีความรอบคอบ จะมองทุกอย่างไปข้างหน้าเสมอ คิดล่วงหน้า ชอบวางแผน มีขั้นตอนมีตรรกวิทยา ซึ่งจะต่างกับกระทิง ที่จะไม่ชอบวางแผน ทำงานแบบบุกตะลุย ประสบความสำเร็จแบบไม่มีกระบวนท่า
แต่ผู้นำแบบหมีนั้น จะเป็นพวกอนุรักษนิยม คือมีขั้นมีตอนมีระบบระเบียบ บริหารงานแบบใจเย็น มีหลักการสูง มีกรอบมีกติกา ในการดำเนินชีวิตใช้เหตุผลเยอะ บางครั้งอาจจะดูเหมือนเป็นคนที่สื่อสารยาก เพราะชอบทำงานแบบอนุรักษนิยม คือเป็นระบบเป๊ะๆ ไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยง จึงไม่ชอบทำอะไรแบบฉับพลันดำริ ชอบสังเกตการณ์ทุกสิ่งรอบตัว ไม่ชอบเกาะติดนัวเนีย รักษาระยะและพื้นที่ตัวเองสูง ไม่ให้ใครเข้ามาในชีวิตส่วนตัวมากนัก รักความสันโดษ ผู้นำแบบนี้เหมาะกับการทำงานในอาชีพนักบัญชี นักการเงิน สรรพากร ดูแลเรื่องภาษี เป็นคนกลัวพลาดสูง
ข้อดี : จะเป็นผู้นำที่หาความผิดพลาดได้ยาก เพราะมีหลักการทำงานแบบมีระบบระเบียบ เคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ มีปรัชญาในการทำงานในลักษณะที่เรียกว่าป้องกันดีกว่าแก้ไข
ข้อเสีย : มีลักษณะการทำงานที่เคร่งเครียด ไม่มีความยืดหยุ่น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ผู้นำแบบหมีนั้นควรจะมีความเป็นอินทรีหรือกระทิงผสมอยู่ในการทำงานจะทำให้มีการทำงานมีความสุขและประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ผู้นำทิศตะวันออก
เปรียบเสมือน : เหยี่ยวหรืออินทรี เป็นพวกธาตุลม มีญาณทัศนะ มีเจตจำนงสูง
บุคลิกลักษณะ : เป็นคนชอบมองภาพรวมใหญ่ๆ เชื่อมโยงเครือข่ายแบบสร้างสรรค์ ไม่ค่อยสนใจรายละเอียด มีจินตนาการสูง เป็นนักคิดนักฝันสูง ชอบเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ชอบคิดนอกกรอบ แสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ มักจะไปที่ที่ไม่เคยไป เป็นจอมโครงการเจ้าโปรเจ็กต์ บางครั้งเหมือนพวกฝันกลางวัน ขายฝันเก่ง สนใจทุกเรื่องราว อยากทำทุกเรื่อง จนบางครั้งทำงานแบบไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะสนใจไปหมดทุกเรื่อง ทั้งยังไม่มีลำดับความสำคัญก่อนหลัง จะเรียกว่าเป็นผู้นำแบบจับจดก็ได้ เพราะเป็นคนเบื่อง่าย ไม่อยู่กับอะไรนานๆ จึงควรยึดอะไรให้มั่น ทำงานหลักๆ ให้ได้เสียก่อนว่าชอบอะไรแน่ แล้วอะไรควรทำก่อน-หลัง   ควรเรียนรู้ระบบตามแบบผู้นำอย่างหมีหรือกระทิงดูบ้าง ควรคิดใหม่ ทำใหม่ ผู้นำแบบอินทรีนั้นห้ามทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เนื่องจากเป็นคนชอบอิสระสูง ชอบสร้างเรื่องประหลาดใจเสมอ อะไรที่เหนือความคาดหมายนั้นจะชอบเป็นพิเศษ ดังนั้นจะไม่ชอบทำอะไรแบบซ้ำซากจำเจ แบบพวกนักสร้างสรรค์งานโฆษณา ผู้กำกับภาพยนตร์ มักจะมีบุคลิกแบบอินทรีสูง
ข้อดี : จะมีชีวิตการทำงานที่มีสีสัน สนุกสนาน แต่หาสาระแก่นสารไม่ได้ หรือยากที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะอาจดูกลายเป็นคนจับจดหยิบโหย่ง ด้วยความเป็นคนไม่ชอบความซ้ำซากจำเจจึงอาจกลายเป็นคนทำงานไม่ต่อเนื่องได้
ข้อเสนอแนะ : ผู้นำในแบบอินทรีหรือเหยี่ยวนั้น ควรต้องมีความผสมผสานระหว่างความเป็นหมีให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง มีการวางแผนที่ดี กลายเป็นคนที่มีจินตนาการที่จับต้องเป็นหลักการได้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นนักฝันแต่เพียงอย่างเดียว
รับทราบกันไปแล้วว่าผู้นำมีแบบใดบ้าง แต่ดีที่สุดก็คือต้องมีการผสมผสานกันมากกว่า 2 แบบ ดีที่สุด ควรมีทั้ง 4 แบบอยู่ในตัวเอง อาจจะแบบหนึ่งมาก อีกแบบปานกลาง อีกแบบนิดหน่อย ก็จะได้ส่วนผสมที่ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งผ่านประสบการณ์มานานวันขึ้นคนเราก็ควรจะใช้ชีวิตการทำงานให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น อย่าเทน้ำหนักไปแบบใดแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว บางสถานการณ์อาจจะเป็นผู้นำแบบหนึ่ง อีกสถานการณ์อาจจะเป็นผู้นำในอีกแบบหนึ่งขึ้น อยู่กับความเหมาะสมในแต่ละครั้งคราวกันไป           เราคงเป็นหมี+กระทิง มีหนูบ้างในบางเวลาเท่านั้น คนเรามันก็ต้องเป็น 4 แบบล่ะนะ เพียงแต่ว่าเวลาไหนเราจะดึงตัวไหนออกมาใช้..เท่านั้นเอง
ไปอ่านมาเพิ่มเจอตลกมาอีก
                  พวกกระทิง     พวกไร้สมอง กระทิงก็จะบอกว่าฝ่ายตัวเองมักจะลุยไปข้างหน้า โดยไม่ฟังใคร  โดยบอกพวกอื่นว่าปล่อยพวกตนไปเถอะ  ประเดี๋ยวก็เจ็บกลับมาเอง
                  พวกอินทรี      พวกเก่งแต่ปาก อินทรีก็จะบอกว่าพวกตัวเองเป็นพวก NATO (No Action  Talk  Only)  ดีแต่พูด ดีแต่วางแผน  แต่ไม่ค่อยทำ   ก็ให้พวกอื่นทำใจหน่อยก็แล้วกัน
                  พวกหมี          พวกดื้อเงียบ หมีก็จะบอกว่าพวกตนยึดมั่นในหลักการ  ตกลงเรื่องใดแล้วต้องยึดตามนั้น  จะเปลี่ยนแปลงก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ  ไม่ใช่ดื้อ  แต่ต้องมีเหตุผล
                  พวกหนู          พวกนางเอกหนังไทย หนูก็จะบอกว่าจะทำอะไร พวกเราทำได้หมด แต่ขอให้พาพวกเราไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น