วันนี้ (29 มิถุนายน) เวลา 13.00 น. กลุ่ม/องค์กรชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิเช่น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี คณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง(คชส.) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน และสมัชชาคนจน เขื่อนหัวนาและราษีไศล ฯลฯ จำนวน 50 องค์กร ในนาม เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือและภาคอีสาน ได้มารวมตัวกัน ณ บริเวณหน้า สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อยื่นหนังสือทวงถามจุดยืนของสถาบันอุดมศึกษาต่อสถานการณ์ปัญหาของชาวบ้าน
การรวมกลุ่มของเครือข่ายชาวบ้านในครั้งนี้ มีผลมาจากสถานการณ์ปัญหาของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่กรณีปัญหาทั้ง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่เกิดขึ้นอย่างมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่า สถาบันอุดมศึกษากลับมีท่าทีที่วางเฉย มุ่งเน้นแต่การสร้างผลกำไรและผลิตบัณฑิตเข้าไปรับใช้ระบบทุน อีกทั้งกลับมีสถานการณ์ปัญหาภายในในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม เครือข่ายชาวบ้านจึงต้องมารวมตัวกันเพื่อกระตุ้นเตือนให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งภาคอีสานให้ตระหนักต่อสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น และสร้างความเป็นะรรมให้เกิดกับทุกฝ่าย
นายประดิษฐ์ โกศล แกนนำชาวบ้านจาก สมัชชาคนจน เขื่อนราศีไศล ได้ก่าวถึงจุดมุ่งหมายของการเดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่นในครั้งนี้ว่า ต้องการมาฟังผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาว่าท่ามกลางสถาการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในขณะนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีจุดยืนอย่างไร และจะมีบทบาทอย่างไรต่อสถานการณ์ปัญหาของชาวบ้าน
“ที่พวกเรามากันในวันนี้ ก็เพื่อที่จะทวงถามถึง สาเหตุของการสั่งย้ายที่ไม่เป็นธรรมต่ออดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มข. ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ลงไปช่วยเหลือพวกเราด้านคดีความในการเรียกร้องต่อสู้ ปกป้องสิทธิชุมชน และอยากจะทราบถึงทิศทางข้างหน้าของคณะนิติศาสตร์ มข. ว่าต่อไปจะเป็นไปยังไง และที่สำคัญ พวกเราอยากจะตั้งคำถามต่อจุดยืนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าท่านจะมีบทบาทอย่างไรต่อสถานการณ์ปัญหาของชาวบ้านที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายในขณะนี้ พวกเราจึงต้องมายื่นหนังสือถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ และจะกลับมาฟังคำตอบในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”
ทางด้าน นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานองค์กรประชาชนภาคเหนือและภาคอีสาน ได้แสดงความความคิดเห็นถึงสถานการณ์ของสถาบันอุดมศึกษาว่า
“ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยต้องยืนเคียงข้างประชาชนต้องรับใช้ชุมชน ต้องทำความเข้าใจว่ากลุ่มชาวบ้านที่มากันในวันนี้ เป็นชาวบ้านที่ประสบกับปัญหาได้รับผลกระทบจากการพัฒนา และที่ผ่านมาพยายามที่จะนำปัญหาที่ชุมชนถูกละเมิดสิทธิผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริง แต่มหาวิทยาลัยกับมาท่าทีที่เพิกเฉยต่อปัญหาของชาวบ้าน ชาวบ้านผู้ประสบปัญหาจึงต้องพากันมาทวงถามจุดยืนของสถาบันอุดมศึกษา เพื่อให้สังคมได้รับรู้และร่วมกันตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถาบันอุดมศึกษา”
สุวิทย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในปัจจุบันนี้ ถ้าหากดูไปที่กรรมการสภามหาวิทยาลัย อย่างเช่นมหาวิทยาลัยราภภัฎอุดรธานี จะเต็มไปด้วยบรรดานักธุรกิจ พ่อค้า และนักลงทุน ซึ่งกลุ่มคมพวกนี้มีอำนาจในการกำหนดทิศทางในการบริหารหลักสูตรการศึกษา จึงทำให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยได้มุ่งเน้นที่จะผลิตบัณฑิตออกมารับใช้ระบบทุนนิยมเป็นหลัก ทั้งที่มหาวิทยาลัยน่าจัผลิตออกมารับใช้สังคม” สุวิทย์ กล่าว
ในส่วนของ รศ.ดร.สมหมาย ปรีเปรม รองอธิการฝ่ายการคลังและทรัพย์สิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นตัวแทนของคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ออกมารับหนังสือในครั้งนี้ได้กล่าวว่า
“คำถามที่พี่น้องมาถามผม ผมคงจะไม่ตอบเพราะมาถามอธิการบดี ไม่ได้มาถามถม ผมจะรับหนังสือไว้ก็แล้วกัน แล้วจะนำไปให้อธิการบดีตอนท่านกลับมา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลุ่มชาวบ้านทำการยื่นหนังสือเสร็จ ตัวแทนชาวบ้านจากแต่ละพื้นที่ได้ร่วมกันสรุปผลและกำหนดทิศทางร่วมกัน โดยกำหนดนัดหมายว่าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมาทวงถามข้อคำถามจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งระบุไว้ในหนังสือที่ยื่นต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่น
/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/
นายสมพงศ์ อาษากิจ ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน
ตู้ ปณ.14 อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000
โทร.086 – 2317637 อีเมล์ : ton_mekong@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น