ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราในการสร้า้งสังคมแห่งการเรียนรู้...

หากต้องการลงบทความ/งานเขียนของท่าน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ทางเว็บบอร์ด หรือทางอีเมล์แอดเดรส; po_kenchin@hotmail.com
หรือจะสมัครสมาชิกอย่างเดียวก็ได้นะครับ

06 เมษายน 2554

แถลงการณ์เครือข่ายนักศึกษาติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทย



แถลงการณ์เครือข่ายนักศึกษาติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทย
วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๔  ณ เทศบาลตำบลโนนสูง จ.อุดรธานี
 
ตามที่เครือข่ายนักศึกษาติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทย ได้มีการสรุปบทเรียน และนำเสนอปัญหาของผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ต่างในประเทศไทยในพื้นที่ต่างๆ มาระยะเวลาหนึ่ง เช่น พื้นที่เหมืองทองคำ จ.เลย พื้นที่เหมืองแร่โปแตซ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้เกิดผลกระทบขึ้นแล้ว และยังมีพื้นที่ที่ยังมีการที่จะดำเนินการในการก่อสร้างอีกมากมาย ทั้งพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม หรือแม้แต่ จ.สกลนคร ที่ผ่านมา ได้พบปัญหาผลกระทบที่รุนแรงอย่างกว้างขวางในพื้นที่ต่างๆ จากการสะท้อนสภาพการณ์ปัญหาและบทเรียนการต่อสู้คัดค้านโครงการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต่างๆ ร่วมกัน จึงมีคำถามที่สำคัญคำถามหนึ่งว่า
 
“รัฐ โดยเฉพาะกรมทรัพยากรธรณี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นผู้มีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการเหมืองแร่ ได้ทำร้ายทำลายช่วงชิงทรัพยากรซึ่งควรเป็นสิทธิของคนในชุมชนพื้นที่ที่จะตัดสินใจดูแลและปกป้องด้วยคนในชุมชนเองและยังนำพาซึ่งโรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการหายใจ กินข้าวและสัมผัสกับสารพิษในอุตสาหกรรมเหมืองที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
 
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในประเทศไทยที่ภาครัฐคาดหวังถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศแต่เพียงด้านเดียว แท้จริงแล้วอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่มีการขุดเจาะทั้งแบบเปิดทำลายหน้าดิน หรือเป็นโพรงใต้ดิน ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ สังคม และสุขภาพในหลายมิติ นำมาซึ่งการทำลายแหล่งอาหาร ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ทำมาหากิน ที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนท้องถิ่นให้เสื่อมโทรม โดยไม่มีหน่วยงานหรือผู้ประกอบการใดแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบ รัฐยังได้บังคับใช้กฎหมายในลักษณะที่เปรียบเสมือน “โจรปล้นแผ่นดินของประชาชน” เพราะได้นำสินแร่ที่อยู่ใต้ถุนบ้านเรือน แหล่งทำมาหากินของประชาชน และชุมชน แปรเป็นผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของภาษี อัตราค่าภาคหลวงแร่ และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษอื่นๆ เข้าสู่คลัง ทั้งๆ ที่รายได้เหล่านั้นคือ “ผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับผลกระทบในระยะยาวที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ชุมชน สังคม และสุขภาพของประชาชน”
 
มิหนำซ้ำรัฐยังได้กระทำย่ำยีเพิ่มเติมต่อประชาชนด้วยการผลักดันร่างกฎหมายแร่ฉบับใหม่ โดยวางหลักการ “โจรปล้นแผ่นดินของประชาชน” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการระบุว่า “แร่เป็นของรัฐ” และ “ไม่ให้อำนาจตัดสินใจแก่ประชาชนและชุมชนท้องถิ่น” ปัญหาดังกล่าวได้พัฒนาไปสู่ปัญหาสังคม ความขัดแย้ง ละเมิดสิทธิบุคคล และชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดนโยบาย บังคับใช้กฎหมายกฎระเบียบและการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ที่ไม่เป็นธรรม
 
จากความทุกข์ทนของคนในชุมชนท้องถิ่นที่เกิดขึ้น จากการกดขี่เอารัดเอาเปรียบทำร้ายทำลาย ทั้งทรัพยากร วิถีชีวิต สุขภาพโดยไร้ซึ่งความเมตตาและเป็นธรรมโดยเฉพาะความเป็นธรรมต่อชุมชนอีสาน เราในนามกลุ่มนักศึกษาไม่เอาเหมืองแร่ จึงมีข้อเรียกร้องต่อหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการเหมืองแร่และต้องการสื่อสารในเจตจำนงของทางกลุ่มให้สังคมในวงกว้างได้รับรู้ดังนี้
 
.ต้องยุติและไม่เกิดการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการทำเหมืองแร่โปแตซ จ.อุดรธานี ในวันที่ ๕ เม.ย.๒๕๕๔ ซึ่งจัดโดยบริษัทผู้ประกอบการเหมืองแร่ ซึ่งเป็นเวทีที่ไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินการเหมืองแร่ ซึ่งจะนำสู่การเกิดขึ้นของเหมืองแร่ที่ทำร้ายทำลายวิถีชีวิตผู้คนในชุมชน
 
๒.หน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต้องหยุดการดำเนินงานใดๆ ในพื้นที่เพื่อนำพาสู่การเปิดเหมือง จนกว่าจะกลับไปทบทวนถึงผลดีผลเสียของการสร้างเหมืองผ่านกระบวนของสิทธิชุมชนอย่างแท้จริง
 
๓.หยุดการสร้างความแตกแย้งให้เกิดขึ้นในชุมชนผ่านอำนาจของเงินตรา เช่น การจ่ายค่าลอดใต้ถุนเพื่อแบ่งชาวบ้านเป็นสองฝ่ายให้ขัดแย้งกัน
 
ทั้งนี้ เครือข่ายนักศึกษาติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทยขอยืนหยัด ต่อสู้ ด้วยเจตนารมณ์ที่ศรัทธาอย่างมั่นคง จะขอต่อสู้กับผู้ใดก็ตามที่ จับจ้อง มุ่งหวัง ล้างผลาญ ทำร้าย ทำลาย ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ชีวิต และความเป็นชุมชนท้องถิ่น อย่างถึงที่สุดและตลอดไป
 
ศรัทธาในชีวิต ธรรมชาติ และความเท่าเทียม
เครือข่ายนักศึกษาติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทย
๕ เมษายน ๒๕๕๔

 
เครือข่ายนักศึกษาเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ประเทศไทย
-                     ชมรมนักศึกษาเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
-                     กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชน (ดาวดิน)
-                     กลุ่มอาศรมบ่มเพาะแนวคิดและจิตวิญญาณ
-                     กลุ่มนักศึกษานกกระจอก มหาวิทยาลัยราชราชราชภัฏนครศรีธรรมราช
-                     กลุ่มนักศึกษาแสงดาว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
-                     กลุ่มนักศึกษาระบายฝัน
-                     คนรุ่นใหม่ภาคอีสาน

05 เมษายน 2554

อิตัลไทยฯ เปิดเวทีเข็น อีเอชไอเอ เหมืองโปแตชอุดรฯ


วันนี้ (5 เม.ย. 54) เกิดเหตุปะทะระหร่างกลุ่มคัดค้าน และบริษัทเอเชียแปซิฟิค โปแตช คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด บริษัทในเครือบริษัท อิตตาเลี่ยนไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมกับริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริง แอนเมเนจเมนท็ จำกัด  จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ(Public Scoping)  เพื่อกำหนดขอบเขตงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ)  ณ หอประชุมสำนักงานเทศบาลโนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 7.00 น.กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีกลุ่มแรกราว 30 คน  ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี และมีจุดยืนคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปีได้เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมเวทีดังกล่าว  แต่หน่วยอาสาสมัครรักษาความปลอดภัย (อพปร.) พร้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 50 คนพร้อมโล่และกระบองตั้งแถวกันไม่ให้เข้าโดยอ้างว่าไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมไว้ล่วงหน้า จึงเกิดยื้อยุดกันขึ้นพื่อที่จะเข้าร่วมเวทีสาธารณะดังกล่าวให้ได้  จนเกิดการปะทะกันรุนแรงมากขึ้นในระหว่างชุลมุนได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้ไม้ยาวฟาดลงมาท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านอย่างแรงโดนศรีษะของนางหนูพิณ  อันสา อายุ 42 ปีชาวบ้านจากบ้านสังคม  หมู่ 11 ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม เข้าอย่างจังจนเป็นลมหมดสติ  ต้องเรียกหน่วยกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลกุมภวาปีอย่างเร่งด่วน  
 
เวลาต่อมาชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ซึ่งสวมเสื้อเขียวเป็นส่วนใหญ่ได้ทยอยเดินทางมายังที่ประชุมอย่างต่อเนื่องจนสามารถรวมตัวกันได้กว่า 700 คนและเริ่มตั้งขบวนเพื่อต่อรองขอเข้าไปในที่ประชุมให้ได้จนเวลาประมาณ 08.30  ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ทยอยกันมาเพิ่มขึ้นจนสามารถผ่านด่านรักษาความปลอดภัยของ อปพร. และชายฉกรรจ์ดังกล่าวเข้าไปในห้องประชุมได้จนเต็มห้องประชุม  ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งรุดมาควบคุมสถานการณ์เกรงจะบานปลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มอนุรักษ์ฯ เข้าไปนั่งในห้องประชุมจนล้นห้องประชุมออกมา  เป็นเหตุบริษัทตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนหนึ่งประมาณ 100 คน เข้าไปในสวนย่อมในเกาะที่มีสระน้ำล้อมรอบทั้งสามด้านมีถนนทางเข้าด้านเดียว และ ให้เจ้าหน้าที่ อปพร.กว่า 50 คนตั้งแถวกันไม่ให้กลุ่มคัดค้านเข้าไปได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกประมาณ 50 นายตั้งแถวป้องกันไว้ในแนวถนนอีกด้านหนึ่ง  กลุ่มอนุรักษ์ฯ พยายามต่อรองเพื่อจะเข้าไปร่วม และเคลื่อนขบวนไปประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าระหว่างมีการเจรจรต่อรองขอเข้าร่วมของกลุ่มอนุรักษ์  บริเวณสวนหย่อมกลางน้ำ ดร. สิรินิมิตร บุญยืน กรรมการบริหารของบริษัททีมฯ ได้นำเสนอขั้นตอนและระยะเวลาในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการศึกษา 10 เดือนซึ่งได้มีการคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตามบรรยากาศการประชุมในสวนหย่อมกลางน้ำนั้นชาวบ้านที่เข้าร่วมนั่งพื้นที่ยืนและมีอาการละล้าละลังและทยอยกลับออกไปเรื่อย ๆ  จนเวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ได้พยายามต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าไปแต่ไม่เป็นผลสำเร็จจึงพยายามจะยื้อกันอีกครั้งแต่ไม่เกิดเหตุรุนแรงใด ๆ ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมภายในเกาะได้สลายตัวไปในที่สุดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกันไม่ให้ทั้งสองกลุ่มปะทะกันจึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอีกแต่อย่างใด
        
นาง มณี บุญรอด  รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีเปิดเผยว่า   เวทีครั้งนี้เป็นเรื่องการสร้างภาพของบริษัทตามปกติซึ่งทำเช่นนี้มาตลอดสิบปีที่ผ่านมา และบริษัททีม  ฯ ซึ่งรับจ้างบริษัทอิตตาเลียนไทยฯ ทำอีเอชไอเอ ครั้งนี้ก็เป็นบริษัทเดียวกันที่เคยทำรายงาน อีไอเอ ฉบับเก่าที่ผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม  (สผ.) ไปแล้วเมื่อปี 2543 ซึ่งต่อมาได้ รมต. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งกรรมการทบทวน รายงานดังกล่าวและพบว่ามีข้อบกพร่องจนไม่อาจจะยอมรับได้ 26 ประเด็น  และทำให้เดือดร้อนขัดแย้งมาจนปัจจุบัน ใช่ว่าเวลาผ่านไปสิบปีแล้วชาวบ้านจะลืม และถึงต้นเหตุของความรุนแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้น  วันนี้บริษัทก็เริ่มต้นอีเอชไอเอครั้งใหม่โดยการทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บไปคนหนึ่ง  และวันนี้ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภอ.เมือง อุดรธานี เพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทเหมืองแร่ให้ถึงที่สุด  นางมณีกล่าว
  
ด้านนาย เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์  ผู้ประสานงานโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า   เรื่องเหมืองโปแตชอุดรธานีนั้นมันแดงขึ้นมาจาก การทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่ทำโดยบริษัททีม คอนซัลติ้ง แอนด็ แมเนจเมนท์ จำกัด ที่ผ่านความเป็นชอบ ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการไปเมื่อปี 2543 แต่ต่อมาได้มีการแต่ตั้งคณะกรรมการทบทวนอีไอเอดังกล่าวซึ่งพบว่ามีข้อบกพร่องจนต้องประกาศยกเลิกไป  และมีการทำเพิ่มเติมหลายครั้งโดยหลายบริษัท รวมทั้งสถาบันวิชาการ ครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 4 ในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ  โดยบริษัทอิตตาเลียนไทยฯ อ้างว่าเป็นการดำเนินการตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2  แต่ในความเป็นจริงแล้วขณะนี้โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ไม่ได้จัดเป็นโครงการรุนแรงที่จะต้องทำการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ  การทำอีเอชไอเอครั้งนี้จึงเป็นการยอมรับว่าโครงการนี้มีความรุนแรง  และตนเห็นว่า   บริษัทไม่ได้ยอมรับเช่นนั้นแต่ต้องการอาศัยหลักการรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความชอบธรรมในการจัดเวทีสาธารณะซึ่งบริษัทไม่เคยจัดได้ หรือได้รับการยอมรับตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา               
                มันเหมือนวนอยู่ในวงเวียนความขัดแย้ง  การปักหมุดรังวัดเขตเหมืองที่ไม่ได้รับการยอมรับ ไม่กล้าจะปิดประกาศ ดังนั้นจึงยังไม่ขอบเขตเหมือง แต่ก็จ้างบริษัทที่ปรึกษามาทำอีเอชไอเอ  ซึ่งทำโดยบริษัทเอกชนที่เคยทำรายงานที่บกพร่อง ไม่ได้รับการยอมรับและมีกรณีขัดแย้งกับชาวบ้านมานาน นายเลิศศักดิ์ กล่าว

----------------------

ข้อมูลเพิ่มเติม:  กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา 042-224382,081-3696266