ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราในการสร้า้งสังคมแห่งการเรียนรู้...

หากต้องการลงบทความ/งานเขียนของท่าน สามารถแจ้งความประสงค์ได้ทางเว็บบอร์ด หรือทางอีเมล์แอดเดรส; po_kenchin@hotmail.com
หรือจะสมัครสมาชิกอย่างเดียวก็ได้นะครับ

05 เมษายน 2554

อิตัลไทยฯ เปิดเวทีเข็น อีเอชไอเอ เหมืองโปแตชอุดรฯ


วันนี้ (5 เม.ย. 54) เกิดเหตุปะทะระหร่างกลุ่มคัดค้าน และบริษัทเอเชียแปซิฟิค โปแตช คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด บริษัทในเครือบริษัท อิตตาเลี่ยนไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมกับริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริง แอนเมเนจเมนท็ จำกัด  จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ(Public Scoping)  เพื่อกำหนดขอบเขตงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ)  ณ หอประชุมสำนักงานเทศบาลโนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 7.00 น.กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีกลุ่มแรกราว 30 คน  ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี และมีจุดยืนคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปีได้เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมเวทีดังกล่าว  แต่หน่วยอาสาสมัครรักษาความปลอดภัย (อพปร.) พร้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 50 คนพร้อมโล่และกระบองตั้งแถวกันไม่ให้เข้าโดยอ้างว่าไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมไว้ล่วงหน้า จึงเกิดยื้อยุดกันขึ้นพื่อที่จะเข้าร่วมเวทีสาธารณะดังกล่าวให้ได้  จนเกิดการปะทะกันรุนแรงมากขึ้นในระหว่างชุลมุนได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้ไม้ยาวฟาดลงมาท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านอย่างแรงโดนศรีษะของนางหนูพิณ  อันสา อายุ 42 ปีชาวบ้านจากบ้านสังคม  หมู่ 11 ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม เข้าอย่างจังจนเป็นลมหมดสติ  ต้องเรียกหน่วยกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลกุมภวาปีอย่างเร่งด่วน  
 
เวลาต่อมาชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ซึ่งสวมเสื้อเขียวเป็นส่วนใหญ่ได้ทยอยเดินทางมายังที่ประชุมอย่างต่อเนื่องจนสามารถรวมตัวกันได้กว่า 700 คนและเริ่มตั้งขบวนเพื่อต่อรองขอเข้าไปในที่ประชุมให้ได้จนเวลาประมาณ 08.30  ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ทยอยกันมาเพิ่มขึ้นจนสามารถผ่านด่านรักษาความปลอดภัยของ อปพร. และชายฉกรรจ์ดังกล่าวเข้าไปในห้องประชุมได้จนเต็มห้องประชุม  ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งรุดมาควบคุมสถานการณ์เกรงจะบานปลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มอนุรักษ์ฯ เข้าไปนั่งในห้องประชุมจนล้นห้องประชุมออกมา  เป็นเหตุบริษัทตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนหนึ่งประมาณ 100 คน เข้าไปในสวนย่อมในเกาะที่มีสระน้ำล้อมรอบทั้งสามด้านมีถนนทางเข้าด้านเดียว และ ให้เจ้าหน้าที่ อปพร.กว่า 50 คนตั้งแถวกันไม่ให้กลุ่มคัดค้านเข้าไปได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกประมาณ 50 นายตั้งแถวป้องกันไว้ในแนวถนนอีกด้านหนึ่ง  กลุ่มอนุรักษ์ฯ พยายามต่อรองเพื่อจะเข้าไปร่วม และเคลื่อนขบวนไปประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าระหว่างมีการเจรจรต่อรองขอเข้าร่วมของกลุ่มอนุรักษ์  บริเวณสวนหย่อมกลางน้ำ ดร. สิรินิมิตร บุญยืน กรรมการบริหารของบริษัททีมฯ ได้นำเสนอขั้นตอนและระยะเวลาในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการศึกษา 10 เดือนซึ่งได้มีการคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตามบรรยากาศการประชุมในสวนหย่อมกลางน้ำนั้นชาวบ้านที่เข้าร่วมนั่งพื้นที่ยืนและมีอาการละล้าละลังและทยอยกลับออกไปเรื่อย ๆ  จนเวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ได้พยายามต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าไปแต่ไม่เป็นผลสำเร็จจึงพยายามจะยื้อกันอีกครั้งแต่ไม่เกิดเหตุรุนแรงใด ๆ ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมภายในเกาะได้สลายตัวไปในที่สุดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกันไม่ให้ทั้งสองกลุ่มปะทะกันจึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอีกแต่อย่างใด
        
นาง มณี บุญรอด  รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีเปิดเผยว่า   เวทีครั้งนี้เป็นเรื่องการสร้างภาพของบริษัทตามปกติซึ่งทำเช่นนี้มาตลอดสิบปีที่ผ่านมา และบริษัททีม  ฯ ซึ่งรับจ้างบริษัทอิตตาเลียนไทยฯ ทำอีเอชไอเอ ครั้งนี้ก็เป็นบริษัทเดียวกันที่เคยทำรายงาน อีไอเอ ฉบับเก่าที่ผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม  (สผ.) ไปแล้วเมื่อปี 2543 ซึ่งต่อมาได้ รมต. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งกรรมการทบทวน รายงานดังกล่าวและพบว่ามีข้อบกพร่องจนไม่อาจจะยอมรับได้ 26 ประเด็น  และทำให้เดือดร้อนขัดแย้งมาจนปัจจุบัน ใช่ว่าเวลาผ่านไปสิบปีแล้วชาวบ้านจะลืม และถึงต้นเหตุของความรุนแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้น  วันนี้บริษัทก็เริ่มต้นอีเอชไอเอครั้งใหม่โดยการทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บไปคนหนึ่ง  และวันนี้ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภอ.เมือง อุดรธานี เพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทเหมืองแร่ให้ถึงที่สุด  นางมณีกล่าว
  
ด้านนาย เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์  ผู้ประสานงานโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า   เรื่องเหมืองโปแตชอุดรธานีนั้นมันแดงขึ้นมาจาก การทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่ทำโดยบริษัททีม คอนซัลติ้ง แอนด็ แมเนจเมนท์ จำกัด ที่ผ่านความเป็นชอบ ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการไปเมื่อปี 2543 แต่ต่อมาได้มีการแต่ตั้งคณะกรรมการทบทวนอีไอเอดังกล่าวซึ่งพบว่ามีข้อบกพร่องจนต้องประกาศยกเลิกไป  และมีการทำเพิ่มเติมหลายครั้งโดยหลายบริษัท รวมทั้งสถาบันวิชาการ ครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 4 ในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ  โดยบริษัทอิตตาเลียนไทยฯ อ้างว่าเป็นการดำเนินการตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2  แต่ในความเป็นจริงแล้วขณะนี้โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ไม่ได้จัดเป็นโครงการรุนแรงที่จะต้องทำการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ  การทำอีเอชไอเอครั้งนี้จึงเป็นการยอมรับว่าโครงการนี้มีความรุนแรง  และตนเห็นว่า   บริษัทไม่ได้ยอมรับเช่นนั้นแต่ต้องการอาศัยหลักการรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความชอบธรรมในการจัดเวทีสาธารณะซึ่งบริษัทไม่เคยจัดได้ หรือได้รับการยอมรับตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา               
                มันเหมือนวนอยู่ในวงเวียนความขัดแย้ง  การปักหมุดรังวัดเขตเหมืองที่ไม่ได้รับการยอมรับ ไม่กล้าจะปิดประกาศ ดังนั้นจึงยังไม่ขอบเขตเหมือง แต่ก็จ้างบริษัทที่ปรึกษามาทำอีเอชไอเอ  ซึ่งทำโดยบริษัทเอกชนที่เคยทำรายงานที่บกพร่อง ไม่ได้รับการยอมรับและมีกรณีขัดแย้งกับชาวบ้านมานาน นายเลิศศักดิ์ กล่าว

----------------------

ข้อมูลเพิ่มเติม:  กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา 042-224382,081-3696266

14 มีนาคม 2554

แถลงการณ์วันหยุดเขื่อนโลก

แถลงการณ์
“ธนาคารไทยหยุดให้เงินกู้และลงทุน เพื่อทำลายแม่น้ำโขง”
14 มีนาคม 2554 วันหยุดเขื่อนโลก

 แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสายหลักที่ผู้คนในระดับล่างได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ตั้งแต่ประเทศจีนถึงประเทศเวียดนามกว่า ๖๐ ล้านคน วิถีชีวิตและเศรษฐกิจพึ่งพาแม่น้ำโขงได้ทำให้ชุมชนสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมและเชื่อมร้อยความเป็นพี่น้องให้คนภูมิภาคนี้ได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมายาวนาน

ภายใต้มายาคติด้านความต้องการของพลังงานประเทศไทย ทำให้นโยบายการจัดหาพลังงานสำรองเกิดขึ้น แม่น้ำโขง คือ เป้าหมายในการพัฒนาพลังน้ำไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง แผนการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขงกว่า ๑๒ แห่ง เขื่อนมากกว่า ๕ แห่งมีเป้าหมายเพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับประเทศไทย โดยความร่วมมือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น บ.ช.การช่าง , บ.อิตาเลียนไทย  ปตท. และธนาคารพานิชย์ชั้นนำ ได้ให้ความสนใจและประกาศตัวอย่างชัดเจนที่สนับสนุนการลงทุนในการสร้างเขื่อนดังกล่าว โดยไม่ได้สนใจถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำโขงกว่า ๖๐ ล้านคนแต่อย่างใด   รวมไปถึงรัฐบาลไทยที่
                         ในวัน ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ นี้ เป็นวันหยุดเขื่อนโลก เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย กลุ่มทุนขนาดใหญ่ และธนาคารชั้นนำของประเทศไทย หยุดการลงทุนเพื่อทำลายแม่น้ำโขง ปล่อยให้แม่น้ำโขงได้ไหลอย่างอิสระ และหล่อเลี้ยงผู้คนและระบบนิเวศให้เกิดความสมดุลของโลกต่อไป และเราขอเรียกร้องว่า
๑. ขอให้ระงับการเดินหน้าการสร้างเขื่อนไซยะบุรีซึ่งลงทุนโดยบริษัทของคนไทย และกฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟไว้ก่อน จนกว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลและใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญของไทยในการตรวจสอบโครงการดังกล่าว
๒. ให้รัฐบาลไทยพิจารณาทบทวนนโยบายด้านพลังงานทั้งหมดของประเทศไทย  และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยมีกระบวนการตรวจสอบการลงทุนในการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนในแม่น้ำโขงทั้งหมด
๓. เรียกร้องธรรมาภิบาลด้านการลงทุนของธนาคารพานิชย์ชั้นนำของไทย ให้ทบทวนนโยบายการสนับสนุนเงินกู้ในการพัฒนาโครงการเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนในแม่น้ำโขงทั้งหมด  เพราะการลงทุนของทุนจะทำให้ประชาชนกว่า ๖๐ ล้านคนและระบบนิเวศต้องได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีวันเหมือนเดิมได้ และเงินฝากที่ประชาชนไทยได้ให้ความไว้วางใจแก่ธุรกิจของท่านนั้น ไม่ควรนำเงินเหล่านั้นไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไทยและประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกันต่อไปในอนาคต
“จงปล่อยให้แม่น้ำโขงได้ไหลอย่างอิสระและเป็นแม่น้ำของประชาชน มิใช่แม่น้ำของรัฐและทุน” 

๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔

                                    เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน
                                    เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี
                                    สมาคมเพื่อนภู
                                    องค์กรชาวบ้านเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูแก่งละว้า
                                    กลุ่มผู้เดือดร้อนจากโครงการเขื่อนร้อยเอ็ด –ยโสธร- พนมไพร
                                    โครงการทามมูล จ.สุรินทร์
                                    สมาคมป่าชุมชนอีสาน
                                    กลุ่มศึกษาปัญหาดินเค็มและเหมืองแร่ภาคอีสาน
                                    กลุ่มนิเวศวัฒนธรรม
                                    กป.อพช.อีสาน
                                    กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำหนองหาน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
                                    สมาคมคนทาม
                                    เครือข่ายฮักแม่มูนเมืองศรีสะเกษ
                                    ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชน
                                    สภาลุ่มน้ำชี
                                    ศูนย์พัฒนาเด็กเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำโขง
                                    กลุ่มอนุรักษ์บ้านคกเว้า ต.หาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย